มุมความรู้รอบตัว

๐ ฐานคีรีไกรลาส..หนึ่งชาติยักษ์-
คอยน้อมพักตร์ปฏิบัติด้วยขัดถู
ช่างตํ่าต้อยหม่นมัวอันตัวกู-
" นนทก "ผู้อดทนเริ่มรนราน
.
๐ สางเกศาสักเส้นไม่เห็นแล้ว
ร่วงจนแผ่ว..เทวัญฯมันหักหาญ-
ทุกเที่ยวย่างเกกมะเหรกเขกกบาล-
แต่วันวานท่าทีก็ยียวน
.
๐ แห่งหทัยเจ็บแค้นจึงแม้นหมาย
ทูลถวายภูมินทร์พระอิศวร
ประทานเถิดนิ้วเพชร..ทรงทบทวน
ผู้ใดชวนต่อตี..เห็นดีกัน
.
๐ ว่าเหวย เหวย..บัดนี้กูมีแล้ว
ประกายแก้วนิ้วสั่งทั้งสวรรค์
มามึงมา..เชิญโถมเข้าโรมรัน
กูจะหันนิ้วเพชรเพื่อเด็ดมึง
.
๐ ฟ้าสะเทือนรุกลามทั่วสามภพ
นนทกรบ..ไม่ลดละตาขมึง
ด้วยแค้นนักล่วงเพ-ลายังตราตรึง
สถิตบึ้งหัวใจข้างในนี้
.
๐ องค์อิศวรตวาดก้อง..ลําพองนัก
เพียงชาติยักษ์..ทําโตเหนือโกสีย์
เถิดนารายณ์จงรุดไปกุดชีวี
ปราบยักษีโอหังอย่ารั้งรอ
.
๐ จึงเมื่อนั้น..นารายณ์ก็กลายร่าง
แห่งรูปสร้างอัปสรเว้าวอนขอ-
ให้นนทกเหาะเหินพร้อมเยินยอ
ด้วยร่ายรําหลอกล่อท่างอนิ้ว
.
๐ พลันบังเกิดกัมปนาทเข้าฟาดใส่
จึงนนทกมอดไหม้ก็ใจหวิว
ก่อนเพ-ลาชีวิตจะปลิดปลิว
สําแดงกริ้วครหา..องค์นารายณ์
.
๐ ด้วยพระองค์ทรงฤทธิ์สถิตสรวง
แล้วเหตุใดกลลวงจึงเหลือหลาย
ฤๅด้วยเกรงยักษาจักฆ่าตาย
จึงหว่านเล่ห์เพทุบายโยกย้ายตน
.
๐ ว่าชิชะ..โอหังทั้งบังอาจ
จักอวยชัยสืบชาติอีกสักหน
พร้อมสิบพักตร์..ยี่สิบกร..ถอดกมล
เราเพียงคน..ธรรมดาจักราวี
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/charothon/2009/04/25/entry-1
กำเนิดจักรวาล
“ในจักรวาลนั้นมีของอยู่สองสิ่งคือ ธาตุหนัก และธาตุเบา ธาตุหนักได้ดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อใหญ่ขึ้นก็มีแรงดึงดูดมากขึ้นๆ และใหญ่ขึ้นๆ และก็มีแรงดึงดูดมากขึ้นๆ และใหญ่ขึ้น หรือที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าหลุมดำ เมื่อหลุมดำดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างจนอิ่มตัวที่มันจะเป็นไปได้ มันก็เกิดระเบิดขึ้น และสิ่งที่อยู่ในตัวมันก็กระจัดกระจายกระเด็นไปทุกทิศทุกทางในจักรวาล สิ่งที่กระเด็นออกมานั้นก็ไปเสียดสีกับธาตุเบาที่ลอยอยู่ข้างนอก และเมื่อแรงระเบิดนั้นสิ้นสุดลง ธาตุหนักก็ดึงดูดซึ่งกันและกันอีก จุดใหม่นั้นก็ไม่ห่างจากจุดเดิมมากนัก การดึงดูดครั้งใหม่นั้นก็จะดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปยังจุดศูนย์กลางเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นธาตุต่างๆ หรือเส้นแสงจะถูกดึงกลับเข้าไปที่จุดศูนย์กลาง แต่ด้วยธาตุต่างๆ หรือเส้นแสงก็มีพลังงานในตัวเองจากการที่กระเด็นออกมาจากแรงระเบิด เมื่อหลุมดำดึงดูดกลับ เส้นแสงก็จะยื้อกลับ (เหมือนชักเย่อ) ดึงกันไป ดึงกันมา ทุกวินาที เส้นแสงที่อยู่ใกล้ๆ ธาตุเบาก็ไปเสียดสีกับธาตุเบาที่ลอยอยู่ในอวกาศ วัตถุสองสิ่งเสียดสีกัน (เหมือนไม้เสียดสีกัน) ก็เกิดพลังงานรูปใหม่ขึ้น (ไม่ว่าจะเป็นความร้อน แสง สี เสียง) เสียดสีจนเกิดความร้อน ก็ลุกเป็นไฟขึ้น ก็กลายเป็นดวงอาทิตย์ และเมื่อเย็นตัวลงก็กลายเป็นดาวเคราะห์ ดาวที่ใหญ่กว่าจะดึงดูดดาวที่เล็กว่า เช่น ดวงจันทร์ถูกโลกดึงดูด โลกก็ถูกดวงอาทิตย์ดึงดูด ดวงอาทิตย์ก็ถูกหลุมดำดึงดูด เมื่อโลกดึงดูดดวงจันทร์ ดวงจันทร์ก็ยื้อกลับดึงกันไปดึงกันมาทุกวินาที (ตาคนมองไม่ทันจึงไม่เห็นการยื้อนั้นแต่จะเห็นผลของการยื้อนั้นเป็นการหมุนรอบโลก) จนกว่าดวงจันทร์จะหมดพลังงานในตัวเองที่จะยื้อกลับ ดวงจันทร์ก็จะถูกโลกดูดมารวมกับโลก เป็นดาวดวงเดียวกัน และเช่นเดียวกันโลกก็ถูกดวงอาทิตย์ดูดเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อโลกหมดแรงยื้อกลับ โลกก็จะถูกดวงอาทิตย์ดึงดูดเข้าไปรวมกับดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็เช่นเดียวกันเมื่อหมดพลังงานที่จะยื้อกลับก็จะถูกหลุมดำดูดเข้าไปรวมกัน เมื่อหลุมดำดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปจนมากเข้าๆ จนอิ่มตัวก็จะระเบิดขึ้นอีก และเป็นเส้นแสงไปเสียดสีกับสิ่งอื่นอีก ก็จะเกิดดวงดาวขึ้นอีก เมื่อหมดพลังงานในตัวก็จะถูกหลุมดำดูดเข้าไปอีกและเมื่อหลุมดำอิ่มตัวก็จะระเบิดขึ้นอีก เป็นอย่างนี้วนไปวนมาไม่มีทางจบสิ้น"
ที่มา :
http://www.pantown.com/board.php?id=1714&area=1&name=board1&topic=228&action=view